Choose Language

Road Diary 3 - From Missions to Sin City (จากเมืองคนบุญ สู่แดนคนบาป)


Road Diary 3 - From Missions to Sin City (จากเมืองคนบุญ สู่แดนคนบาป)

Day 7 – Continuing on our “Operation Tourists Attack”, we left Franciscan monks’ Missions behind and headed for “Sin City”. Naturally, this entry will be brief, as “What happens in Vegas, Stays in Vegas”, isn’t it?

วัน ที่ 7 ของการเดินทาง เราเช็คเอาท์จากโรงแรมแล้วขับรถข้ามสะพานสวยที่ Mission Bay ไปดูโรงแรมดัง Del Coronado ซึ่งดูแล้วก็งั้นๆ โซฟิเทลหัวหินน่าจะสวยกว่า (เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปรึยังไม่รู้)

ถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วเราก็ขับชิลๆ ออกจากซานดิเอโก้ มุ่งหน้าสู่ลาสเวกัสที่จะเป็นจุดศูนย์กลางในการท่องถิ่น”ยอดคนแดนเถื่อน” ของเรา บอกเพื่อนว่าอยากหยุดถ่ายรูปตรงไหนต้องหยุดเลยเพราะโค้งหน้า พืชพรรณ หน้าตาภูมิประเทศจะต่างไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งแคลิฟอร์เนียเป็นอย่างนั้นจริงๆ (ไม่เหมือนแถบทุ่งข้าวโพดแถวไอโอว่านะ)

ไม่นาน เราก็รู้ว่าเริ่มผ่านเข้าสู่ทะเลทรายโมฮาเว (Mojave) ก็เมื่อเริ่มเห็นต้นโจชัว (Joshua) เนื่องจากแถบนี้เป็นทะเลทรายบนที่สูง (High Dessert) ดอกไม้งามๆ ก็ยังมีให้เห็นอยู่มากมาย โดยเฉพาะ เซชบรัช (Sagebrush) ที่หอมอบอวล ต้นโปรด ถึงแม้ไม่บานสะพรั่งก็ยังมีให้เห็น จนอดใจไม่ได้ ต้องขอจอดลงไปดมให้ชื่นใจว่าได้มาถึงถิ่น

ถ้าจะให้ถึงความเป็น Classic Americana อีกอย่างนึง ทางตะวันตกนี่ก็ต้อง Route 66


Picture from www.historic66.com.

แต่ เนื่องจากทริปนี้เราจะมุ่งขึ้นเหนือเพื่อไปแกรนด์แคนย่อนทาง North Rim จึงจะไม่ได้มีโอกาสถ่ายช่วงเส้นทางที่มีป้ายสวยและแถบที่เห็นรูปกันบ่อยๆ (คิดว่าอยู่แถวช่วงระหว่างจาก เมือง Kingman จะไป Flagstaff ระหว่างเส้นทางไปแกรนด์แคนย่อน South Rim)

อีกอย่างไม่มีเวลามาก และไม่ได้ศึกษาดีพอ เลยขอแชว้บออกจากฟรีเวย์แถว ระหว่าง San Bernadino กับ Barstow


Picture from www.historic66.com.

ทำให้ก็ยังพอได้รูปนี้มาแบบกล้อมแกล้ม ซึ่งก็เป็นที่ถูกอกถูกใจลูกทัวร์ (ที่คอยงัวเงียขึ้นมาถามว่าถึงไหนแล้ว) เป็นอย่างยิ่ง

ส่วนไกด์เองเป็นโรคชอบรูปตู้จดหมาย ก็เลยขอซักช้อต ^^

จากนั้นเราก็มาถึงลาสเวกัสกันอย่างรวดเร็ว เจ๋งที่สุด เพราะถ้าเป็นช่วงโรงเรียนปิดเทอมในเดือนกรกฎาคม รถจะเยอะเป็นที่สุด เข้าพักที่ Bally’s แต่กว่าจะผ่านด่านอรหันต์ขึ้นสู่ห้องนอนที่เตียงนุ่มๆรออยู่ก็เล่นเอางอมพระ ราม ทั้งควันบุหรี่ (Welcome to Nevada :D) ทั้งคนขายของ ทั้งทางที่วกวน ทำให้รู้สึกว่าเหนื่อยเท่ากับที่ขับรถมาทั้งอาทิตย์เลยทีเดียว จึ๋ยยย

หะแรก นึกว่าจะได้ไปแป้นแร้นหรูดื่มหางไก่ (cocktail) มองน้ำพุเบลลาจิโอ้ (ฺBellagio) บนหอไอเฟล แต่ปรากฏว่าคว้าน้ำเหลว เพราะลืมเอาชุด บิสิเนส แคยั่ว (Business Casual) มา (ถ้าจะเข้าไปในห้องอาหารต้องแต่งตัวดี แต่ถ้าจะขึ้นลิฟท์ชมวิว จะโทรมทะลุโลกแค่ไหนเค้าก็คงยอม แต่ขี้เกียจ แถวยาวโคตรตลอดกาล) ดังนั้น อย่างที่เล่าแล้ว นักท่องเที่ยวหน้าดำทั้งสองจึงต้องไปด้อมๆ ลอดจักกะแร้คนเค้าถ่ายเอาตามระเบียบ

จาก นั้น ก็เลยต้องจำใจพาเพื่อนเดินต๊อกๆๆ ไปทำปฏิบัติการ Tourist Attack ของเราต่อไป พร้อมกับค้อนควักลมแล้งไปเรื่อยๆ เพราะท้องเิริ่มร้องอุทรณ์จนตาลายไปหมด เบื่อเวกัสอย่างนึง ไม่รู้อะไร มาทีไร เดินแล้วเหนื่อยยิ่งกว่าไปปีนเขาพระสุเมรุซะอีก

สุดท้ายทนท้องเจ้ากรรมที่ร้องครวญครางไม่ไหวเลยต้องแวะเข้า food court สั่วๆ แถวใกล้ๆโรงแรมเวนีเซีย (Venecia) สั่ง pepperoni pizza ชิ้นใหญ่มากลั้ว root beer ซะพุงกาง … เฮ้อ ผิดแผนสิ้นดี แต่อิ่มท้อง พระพุทธเจ้าท่านว่า กินเพื่ออยู่ ใช่มะ…

หลังจากเพื่อนถ่ายภาพจนหนำใจ (เท่าที่สังขารจะอำนวย) พวกเราก็ลากขาอันแสนหนักกลับไปนอน รู้แต่ว่าคืนนั้นนอนหลับสนิทที่สุดเลย เพราะวันรุ่งขึ้นเราจะชิลๆ แล้วค่อยไปดูโชว์ตอนกลางคืน เย้!!! ได้ขี้เกียจหนึ่งวัน

รุ่งขึ้นเรานอนตื่นสายโด่ง แล้วก็ลุกขึ้นมาหาข้อมูลเส้นทางและจองที่พักสำหรับที่ที่กำลังจะไป เพื่อนไม่สนใจจะดูอะไรมากเพราะท้อแท้กับอากาศร้อนภายนอก เรานอนแผ่พุงเก็บแรงไ้ว้ตอนเย็น…ไปทำอะไรตอนเย็นน่ะเหรอ... ไม่บอก … ก็เค้าว่า “What Happens in Vegas, Stays in Vegas” นี่เนอะ ^^

Next Stop: Road Diary 4 - Where Heaven Meets Hell (จากสวรรค์คนบาปสู่กะทะทองแดง)

รูปนี้เพิ่งถ่ายมา ในเดือนกุมภาฯ นี่ ช่างมีความสุข คนน้อย อากาศเย็นสบาย ลาสเวกัสน่าเที่ยวขึ้นเยอะเลย :D

No comments:

Post a Comment